วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2553

อีก ๓ วันคือ"คำตอบของประเทศไทย?" | ไทยโพสต์

อีก ๓ วันคือ"คำตอบของประเทศไทย?" | ไทยโพสต์

Posted using ShareThis

แม้วช็อกเข้าICUประคองวีดีโอลิงค์ | ไทยโพสต์

แม้วช็อกเข้าICUประคองวีดีโอลิงค์ | ไทยโพสต์

Posted using ShareThis

อย่าให้ความปราชัยของ “อภิสิทธิ์” เป็นความพ่ายแพ้ของประเทศชาติ

โดย นกหวีด 11 เมษายน 2553 23:08 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาด ใหญ่ขึ้น



เมษาฯมหาวิปโยค มิคสัญญีประเทศไทย!

แล้วฉากที่คิดกันไว้ก็มาถึง ไคลแม็กซ์เลือดท่วมจอ อย่างที่ใครบางคนต้องการ ผู้คนเจ็บตายเกลื่อนกลาด ร้องระงมอยู่บนสมรภูมิคอกวัว อย่างที่ไม่ควรบังเกิดขึ้น

กลุ่ม “คนเสื้อแดง” ที่ถูกปลุกปั่นล้างสมองมาหลายปี โดยที่อำนาจรัฐ สื่อรัฐ บ้อท่าในการสกัดกั้น ปล่อยให้มีการจัดตั้งฝังชิป “คนเสื้อแดง” จนถึงขั้นกดปุ่มสั่งการกันได้ คลั่งถึงขั้นสั่งให้ไปตายก็ไปตาย

แม้แต่ตัว นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เองก็ต้องรับผิดชอบเหตุ “เลือดนอง” ที่ถนนราชดำเนินหนนี้โดยปฏิเสธไม่ได้

เปิดยุทธการผ่านฟ้าฯ ปฏิบัติการยึดคืนพื้นที่ครั้งนี้ ทางหนึ่งก็เห็นใจในปัจจัยประกอบการตัดสินใจ ที่รู้อยู่ว่ามีข้อจำกัด ขณะที่กระแสประชาชนก็กดดัน ก็เร่งเร้าให้เข้าจัดการ ใช้อำนาจรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย

ทั้งที่รู้ว่า “เสี่ยง” ที่จะเกิดความสูญเสียตามมา!

เพราะพลาด เมื่อเดินหน้าผิดจังหวะเวลา เรียกได้ว่า เลยช่วงพีกที่จะเข้าจัดการได้มาหลายครั้ง ด้วยลังเลและทอดเวลา และเมื่อเวลาและสถานการณ์ ปัจจัยต่างๆ บีบรัดเข้ามา จึงตัดสินใจเข้าสลายการชุมนุมในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม

ตะวันตกดิน แล้วเดินเข้าสู่สมรภูมิ ก็เหมือนสู่พื้นที่ “คิลลิงโซน”

การข่าวจากฝ่ายความมั่นคงและหน่วยข่าวต่างๆ ย่อมมีรายงานถึงนายอภิสิทธิ์ อยู่แล้วว่า นอกจากแนวรบด้านมวลชน คนเสื้อแดงที่ต้องปะทะกันในฉากหน้า อีกแนวรบที่ “ทักษิณ” ระดมไพร่พลจัดตั้งไว้ คือ กลุ่มบุคคลที่มีประวัติในเรื่องการใช้ความรุนแรง

มีบรรดามือระเบิดสารพัดกลุ่ม นักล่าสังหารจากสารพัดซุ้มทหารเฒ่า สีกากีแก่ มืออาชีพทางด้านการก่อเหตุระเบิดวินาศกรรมถูกเรียกใช้บริการ และซุ่มอยู่ในที่ตั้งรอสัญญาณคำสั่งอยู่แล้ว

สาย “ฮาร์ดคอร์” ไม่ได้มีเท่านั้น ยังไม่รวมกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ที่ต้องการให้สถานการณ์เดินไปสู่ “ฉากที่อยากเห็น” เพื่อนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง ด้วยเป้าประสงค์สุดท้ายบางอย่าง

แล้วก็อย่างที่เห็น นอกจากปะทะกันซึ่งๆ หน้า จะพบว่าที่ต้องตายหรือบาดเจ็บสาหัส มาจากการถูกยิงเป็นส่วนใหญ่ ที่ไม่ใช่เพียงฝ่ายคนเสื้อแดงเท่านั้น แม้แต่ทหารก็นับสองร้อยราย ในจำนวนนั้นถึงขั้นอาการสาหัสนับร้อย

ส่วนหนึ่งแต่เป็นส่วนใหญ่ที่ก่อให้ความรุนแรง คือ สารพัดระเบิดรหัสเอ็ม อย่างที่โฆษกรัฐบาลแถลง ที่มีการตั้งข้อสังเกตุถึงอาวุธสงครามร้ายแรงที่ว่าถูกนำมาใช้ในระหว่าง ทหาร-เสื้อแดง เข้าปะทะกัน

ทั้ง เอ็ม 79 เอ็ม 67 รวมทั้งปืนกล-อาก้า ที่ถูกระดมยิงมาจากกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ถูกยิงเข้าสู่แนวปะทะรวมทั้งที่ทำเนียบรัฐบาล คือ ปฏิบัติการของมือสังหาร “มัจจุราชมืด”!

ไม่เพียงข้อสังเกตที่สอดคล้อง กับข่าวการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม บุกรวบตัว “คนชุดดำ” ร่างกายสูงใหญ่กำยำ แต่ดิ้นหลุดหลบหนีไปได้ แต่ทิ้งเครื่องยิงเอ็ม 79 ไว้เป็นหลักฐาน ยืนยัน

มือสังหารไม่ทราบฝ่ายข้างต้นแฝงตัวช่วยฆ่า เพิ่มความสูญเสีย

ไม่เพียงข้อสังเกต จากการแสดงตัวของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ “เสธ.แดง” ที่ครั้งนี้การเข้าไปโพสต์กระทู้ในเว็บไซต์ส่วนตัว 3-4 กระทู้ นอกจากช่วยปลุกระดมคนออกไปช่วยม็อบเสื้อแดง ก่อนเกิดเหตุ เย้ยหยัน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.

ยังเปิดหน้า ด้วยกระทู้ข้อความที่ว่า “ในที่สุดก็เหมือน เสธ.แดง บอก 3 เกลอ รบกับทหารเท่านั้น จุดอ่อนทหารคือจุดเดือดต่ำเริ่มยิงประชาชนมือเปล่า…

นักรบพระเจ้าตากคงเข้าไปช่วยแล้ว...อย่ากะพริบ


เกมอาจจะเปลี่ยน ด้วยประวัติศาสตร์...ของนักรบพระเจ้าตาก ที่ทนไม่ไหว ต้องเอากระบี่เสียบเอว... “พวกมึง...อยู่ไหนกันหมด ไปช่วยประชาชนด้วยโว้ย”

บอกว่า...กูสั่ง!

ไม่เท่านั้น ปมวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง “ทหารแตงโม” ไม่ใช่เรื่องเกินเลยความจริง และที่เคยมีกระแสข่าวว่า “ทักษิณ” ส่งเสียเลี้ยงดูนายพันระดับผู้บังคับกองพันไว้เป็นพวกได้จำนวนหนึ่งนั้น ก็เริ่มเห็นแล้วว่าจะเป็นความจริง

ที่น่าสนใจที่สุด ก็คือ กระแสข่าวจากห้องประชุมในกรมทหารารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ในวอร์รูมห้องประชุม ตั้งแต่เป็น ศอ.รส.จนมาเป็น ศอฉ.ในปัจจุบัน ว่ากันว่า แตงโมลูกใหญ่ไส้ศึกคาบข่าวจากห้องประชุมไปรายงานแกนนำเสื้อแดงไม่ใช่ใครอื่น คือคนตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาล

พล.อ.นพดล อินทปัญญา เลขานุการ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ น่าจะรู้ดี

ต้องติดตามข่าวนี้กันต่อไป เพราะปูมประวัติของเกลือเป็นหนอนรายนี้ ข้องแวะอย่างสนิทสนมกับคนในระบอบทักษิณมาตลอดและต่อเนื่องจนวันนี้ โดยเฉพาะกับสายเจ้าแม่ กทม.คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

แต่ทั้งนี้ ไม่เชื่อว่า “แตงโม” หรือไส้ศึกในรัฐบาลจะมีแค่รายนี้รายเดียว และไม่เชื่อว่ารายที่นำมาบอก จะเกี่ยวในทุกกรณีกับการมีส่วนร่วมสังหารผู้คน ทั้งทหารและคนเสื้อแดง

โดยเฉพาะเหตุการณ์การยิงเอ็ม 79 ฝ่าแนวรบทหารแนวหน้าและคนเสื้อแดง ไปตกอยู่ในจุดสำคัญ ที่ทำให้ พล.อ.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล.ร.2 รอ.ทหารเสือบูรพาพยัคฆ์ ที่เคยสร้างผลงานเมื่อคราวสงกรานต์เลือดปีก่อน ต้องได้รับบาดเจ็บ รวมทั้ง พ.อ.ร่มเกล้า ทุวธรรม รอง เสธ.พล.ร.2รอ.เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่

“ทหารแตงโม” ชี้เป้า “ไส้ศึก” บอกจุดให้ฆ่า!!

ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นเรื่องที่ยากในการตัดสินใจของนายอภิสิทธิ์ ในการจัดการเข้ายึดพื้นที่ รักษาการบังคับใช้กฎหมาย ในการจัดการกับม็อบเสื้อแดงมาตลอด เพราะรู้ดีว่า หากบุ่มบ่ามเข้าทำการ ก็จะเจอกับการยิงสวน ระเบิดคืน เช่นนี้

เป็นความพ่ายแพ้ที่สมรูภูมิคอกวัว และยุทธการยึดผ่านฟ้าของอภิสิทธิ์ล้มเหลว!

กระนั้นก็ดี ถึงจะปฏิเสธความรับผิดชอบกับเหตุการตายของผู้คนจากการปะทะกันที่ท้องถนนราช ดำเนินครั้งนี้ไม่ได้ แน่นอน “อภิสิทธิ์” ย่อมสูญเสียความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไป แต่จะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งยามนี้คงเป็นเรื่องยาก

ยุบสภาหรือลาออก ที่หลายฝ่ายเสนอ “อภิสิทธิ์” คงต้องตัดสินใจ เช่นเดียวกับต้องระลึกไว้เช่นกันว่า “ภารกิจของผู้นำประเทศไทย” ยังไม่จบ!

เพราะหากตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ต้องคำนึงถึงเหตุและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ดึงอภิสิทธิ์ เข้าสู่กับดัก ลากประเทศไทยสู่ขอบผาของห้วงเหวหายนะ ผู้บงการใหญ่ คือ “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ของคนเสื้อแดงและระบอบทักษิณ กินเมือง

หาก “อภิสิทธิ์” ยกธงขาวยอมรับความปราชัย บ้านเมืองไทยก็เสี่ยงที่จะถึงกาลอวสาน ยกบ้านยกเมืองให้นักโทษชายจิตใจสามานย์ เห็นความวิบัติฉิบหายของบ้านเมืองเป็นเรื่องปกติธรรมดา ถ้าทางนั้นเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง

แน่นอน หาก “อภิสิทธิ์” โบกมือยุบสภากันวันนี้ เกมต่อไปก็ย่อมจะปราชัยพ่ายแพ้กันต่อเนื่อง ทั้งช่วงจัดการเลือกตั้งที่อย่างไรเสียก็ย่อมไม่สงบสุขเป็นปกติแน่ ดีไม่ดีอาจเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงที่คนเสื้อแดงกำลังฮึกเหิม และคนส่วนใหญ่กำลังอึดอัด

ขณะที่หากผ่านพ้นไปได้ หลังการเลือกตั้งก็จะเข้าทางทักษิณ ที่ได้เปรียบในเรื่องความเชี่ยวชาญเจนจัดในสนามนี้ ทั้งเรื่องเงินทอง กระสุนดินดำหว่านโปรย หรือการสร้างกระแสเสื้อแดงที่กำลังพีกสุด ประกอบกับอาการหิวโหยของพรรคร่วมรัฐบาลที่เห็นแก่ผลประโยชน์เงินตรา

“เสร็จโจร” เข้าทาง “ทักษิณ”

ถ้าประเมินสถานการณ์ต่อจากนั้น ถึงจะมีกระแสต่อต้าน ที่ย่อมเกิดเหตุปะทะกันของคนอีกเสื้อสี หรือประชาชนทั่วไปที่ต่อต้าน แต่หากเข้าครอบครองอำนาจรัฐอีกครั้ง ครั้งนี้คงไม่รีรอให้ผิดพลาดซ้ำ

การไล่ล่าล้างบางฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายที่เห็นต่างย่อมเกิดขึ้น และแน่นอนเป้าหมาย

สำคัญที่เขาและคนเสื้อแดงปลุกระดมประกาศกันมาตลอด คือ สถาบันต่างๆ ที่สำคัญของบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นองค์กรตรวจสอบ สถาบันนิติบัญญัติ กระบวนการยุติธรรม ตุลาการ องค์กรตรวจสอบ

และที่สำคัญ “สถาบันองคมนตรี” รวมทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์ “ประมุขชาติ” ที่ถูกโฉบเฉี่ยวพาดพิง แต่วันนี้ก็เห็นเป้าหมายโค่นล้มที่แท้จริงกันชัดเจนขึ้นทุกทีแล้ว ถึงเวลานั้นก็จะยิ่งชัดเจนขึ้น

ขณะเดียวกัน หากต้องเดินสู่ไฟต์บังคับ หากอภิสิทธิ์จะคิดสู้ต่อ ก็พึงระวัง หากการเดินสู่เป้าหมายเดิม คือ การรักษาความสงบเรียบร้อยและการบังคับใช้กฎหมาย ก็เป็นเรื่องยากในการเข้าจัดการกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนมาก

ต้องเนี้ยบ และรอบคอบกว่านี้ ขณะที่เรื่องเลือดตกยางออก หากเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องให้เกิดความสูญเสียให้น้อยที่สุด ที่เป็นเรื่องที่ “อภิสิทธิ์” ต้องใช้อำนาจ และใช้ความคิดของคนเป็นนายกฯบริหารจัดการต่อไป

รวมทั้งต้องระวังภัยสอดแทรกระหว่างทาง อำนาจแทรกซ้อนของกลุ่มคนหลายกลุ่มที่รอจังหวะเข้าเสียบ ทั้งเรื่องการปฏิวัติรัฐประหาร ที่เริ่มมีสัญญาณแรงจัดขึ้นทุกที สังเกตได้จากเกียร์ว่างของนายทหารใหญ่ หรือนักการเมืองระดับบิ๊กบางรายในพรรคร่วมรัฐบาล ที่พากัน “ลอยตัว” ปีนขึ้นภูรอดูจังหวะกันทุกพรรค

ขณะเดียวกัน ก็มีความพยายามสอดประสานติดต่อกันระหว่างคนอีกหลายกลุ่มท่เริ่มมีการซาว เสียงนายกฯเฉพาะกิจ รัฐบาลเฉพาะกาล ครม.ปรองดองสมานฉันท์ รัฐบาลแห่งชาติ ที่ต่างก็อยากมีส่วนแบ่งอำนาจที่จะจัดสรรกันหลัง “ยุคอภิสิทธิ์”

กระทั่งขั้ว “ทักษิณ” เอง ทางนี้ก็เป็นอีกเกมที่เขาเดินไว้ และต่อติดแตะมือกับบรรดา พวกคิดการใหญ่ทั้งหลายไว้เป็นอีกทางเลือก เพราะทุกแนวทางเขายอมรับได้ทั้งนั้น เพียงขอเข้ามามีส่วนร่วมจัดสรรอำนาจกันใหม่

เพราะเป้าหมายของทักษิณ ก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ ให้เกิดสถานการณ์เพื่อนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในอำนาจปัจจุบัน เขี่ยรัฐบาลที่มีศัตรูของเขี่ยศัตรูของเขาเป็นตัวช่วยคอยอุ้ม ให้หลุดจากวงจรไป

สุญญากาศ คือโอกาสพลิกเกมของทักษิณ เช่นกัน

ดังนั้น การพ่ายแพ้จากความล้มเหลวในการจัดการกับม็อบเสื้อแดงครั้งนี้ ยังไม่ถึงขั้นที่น็อคเขาร่วงจากเวที โดยเฉพาะภาระของคนเป็นผู้นำประเทศที่แบกอยู่บนบ่า “อภิสิทธิ์” ต้องไม่ยอมให้กรรมการนับถึงสิบ

กลับมาฮึดสู้ ปฏิบัติภารกิจของคุณให้จบ ไม่ให้ความปรายชัยของตัวเองเป็นความพ่ายแพ้ของประเทศชาติ และเป็นชัยชนะไปตลอดกาลของ “นักโทษชายทักษิณ”